Last updated: 19 พ.ย. 2567 | 306 จำนวนผู้เข้าชม |
NAS คืออะไร?
NAS ย่อมาจาก Network Attached Storage หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านหรือในองค์กรง่ายๆ คือ "ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ร่วมกันผ่านเครือข่าย"
ลองจินตนาการว่า NAS เป็นเหมือนตู้เก็บเอกสารดิจิทัลที่ทุกคนในบ้านหรือออฟฟิศสามารถเปิดดู หรือบันทึกเอกสารได้พร้อมกันผ่าน Wi-Fi หรือสาย LAN โดยไม่ต้องใช้ USB หรือฮาร์ดดิสก์แบบพกพา
NAS ทำอะไรได้บ้าง?
จัดเก็บไฟล์ได้จากทุกที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบ้าน ออฟฟิศ หรือที่ไหน หากมีอินเทอร์เน็ต คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลใน NAS ได้เสมือนมี Cloud ส่วนตัว
แชร์ไฟล์ง่าย NAS ให้ทุกคนในบ้านหรือทีมงานในออฟฟิศใช้งานร่วมกัน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำงานร่วมกันบนไฟล์เดียว
สำรองข้อมูล (Backup) NAS สามารถสำรองข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยป้องกันข้อมูลสูญหาย
ใช้แทน Cloud ได้ NAS เหมือน Cloud ส่วนตัว ไม่ต้องจ่ายรายเดือน แต่คุณต้องดูแลอุปกรณ์เอง
ข้อดีของ NAS เทียบกับ OneDrive และ Google Drive
ในยุคที่การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้จากทุกที่เป็นสิ่งจำเป็น การเลือกใช้บริการจัดเก็บข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง NAS (Network Attached Storage) และบริการคลาวด์อย่าง OneDrive และ Google Drive ต่างมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์แตกต่างกัน แต่ NAS มีข้อดีหลายประการที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงได้ ดังนี้:
1. การควบคุมและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
NAS: ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและจัดการข้อมูลทั้งหมดได้เอง ข้อมูลถูกจัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ที่คุณเป็นเจ้าของ ลดความเสี่ยงจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือการถูกแฮ็กจากเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ
OneDrive และ Google Drive: ข้อมูลถูกจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft หรือ Google ซึ่งผู้ให้บริการมีการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการจัดการระบบ อาจมีความเสี่ยงในกรณีที่เกิดการละเมิดความปลอดภัย
2. ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
NAS: การเข้าถึงข้อมูลผ่านเครือข่ายภายใน (LAN) ทำให้รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการดาวน์โหลดจากคลาวด์ และไม่มีการจำกัดความเร็วจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
OneDrive และ Google Drive: ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลขึ้นอยู่กับคุณภาพของอินเทอร์เน็ต หากเน็ตช้าหรือมีปัญหา อาจใช้เวลานานในการเข้าถึงหรือดาวน์โหลดข้อมูล
3. ความจุที่ปรับแต่งได้
NAS: สามารถเลือกขนาดฮาร์ดดิสก์ตามความต้องการ เช่น เพิ่มความจุได้จาก 2TB, 4TB ไปจนถึงหลายสิบเทราไบต์ โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน
OneDrive และ Google Drive: มีข้อจำกัดของความจุฟรี เช่น 5GB (OneDrive) และ 15GB (Google Drive) หากต้องการพื้นที่เพิ่มต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน
4. การทำงานในองค์กร
NAS: รองรับการใช้งานร่วมกันภายในองค์กร เช่น แชร์ไฟล์กับทีมงานโดยตรง และยังรองรับระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ (Backup) เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
OneDrive และ Google Drive: ใช้งานได้ดีในการทำงานร่วมกันบนคลาวด์ เช่น การแก้ไขไฟล์เอกสารร่วมกัน แต่การสำรองข้อมูลเต็มรูปแบบอาจไม่ยืดหยุ่นเท่า NAS
5. ค่าใช้จ่ายระยะยาว
NAS: มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการซื้ออุปกรณ์ครั้งเดียว และไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน หากใช้งานระยะยาวจะคุ้มค่ากว่า
OneDrive และ Google Drive: ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนหรือต่อปีสำหรับพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายสะสมในระยะยาวอาจสูง
สรุป
NAS เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย ความเร็ว และการควบคุมข้อมูลในระดับสูง โดยเฉพาะในธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการการสำรองข้อมูลแบบมั่นคงและปรับแต่งได้ ในขณะที่ OneDrive และ Google Drive เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานบนคลาวด์ และการเข้าถึงข้อมูลจากทุกที่ผ่านอินเทอร์เน็ต
เลือก NAS หากคุณให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลด้วยตัวเอง
เลือกคลาวด์ หากคุณต้องการความสะดวกและพร้อมจ่ายรายเดือน
24 ต.ค. 2567